{แชร์ประสบการณ์+เคล็ดลับลดบวม}เสริมจมูก เทคนิค Six Lock เนื้อเยื่อเทียม ตลอด 14วัน!!
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ
หลังจากคราวที่แล้วที่อุ้มได้รีวิวทำเทอมาจ ที่ธีระธรณ์คลินิกไปนั้นลิ้งค์ https://review-by-aum.blogspot.com/2019/03/thermatite-theerathornclinic.html
และคราวนี้อุ้มก็ได้ตัดสินใจ มาเป็นลูกสาวคุณหมอกัน อย่างเต็มตัว
เพราะวันนี้อุ้มจะมาเสริมจมูก ที่ธีระธรฌ์คลินิก (Theerathornclinic)กันค่ะ
โดยเทคนิค ที่อุ้มทำนั้น จะเป็นการเสริมแบบซิลิโคนรองปลายเนื้อเยื่อเทียม เทคนิค Six Lock ที่คุณหมอกันเป็นคนคิดค้นขึ้นมาจากการเสริมจมูกเทคนิคโอเพ่น(Open Reconstruction) และแนะนำเลยว่าช่วยในการป้องกันการเบี้ยวเอียงของตัวซิลิโคน เพราะมีการล็อกถึง 6จุด แถมยังป้องกันการทะลุด้วยการรองปลายด้วยเนื้อเยื่อเทียมนั้นเองค่ะ และในรีวิวนี้อุ้มจะเล่าเป็นแนวแชร์ประสบการณ์การเสริมจมูกครั้งแรกของอุ้มให้เพื่อนๆ ที่สนใจทำจมูกเป็นแนวทางหรือเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจกันค่ะ
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก เทคนิค Six Lock กันก่อน ?
เป็นเทคนิคที่พัฒนาการเหลาซิลิโคน เพื่อให้แนบกับกระดูกของจมูก กระดูกหน้าผาก
และกระดูกอ่อนของจมูก ตัวซิลิโคนด้านบนจะไม่เคลื่อนไปมา เวลาขยับจะให้ความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เสริมแล้วสามารถบิดได้
การเหลาซิลิโคน เทคนิค Six Lock
จะเหลาให้บริเวณด้านบน แนบอยู่กับกระดูกหน้าผาก ครอบอยู่บนกระดูกของจมูก อยู่ใต้เยื่อหุ้มกระดูก
ตัวซิลิโคน จะมีเทคนิค Interdome ล็อคจุดด้านบน เพื่อให้จมูกดูเล็กลงนิดนึง ทำให้จมูกดูพุ่งขึ้น และ ก็เย็บตัวขาขอบกระดูกอ่อนในเทคนิค Interdome Intercrus Interfoot ทำให้ตัวซิลิโคน อยู่ใต้กระดูกอ่อนไม่ดันออกมาข้างหน้า ส่วนข้างหน้าสุด จะวางด้วย เนื้อเยื่อเทียม
ข้อดี ของการเสริมเทคนิค Six Lock
ก็คือ จะทำให้ตัวจมูกดูยาวขึ้น พุ่งมากขึ้น ดูคล้ายธรรมชาติ
รูจมูกจะดูเป็น ทรงวงรีตั้ง มากขึ้น และดูลักษณะเชฟ ของรูจมูกเป็น
แนวตั้งมากกว่าเป็นแนวนอน
หลังจากเพื่อนๆได้ทำความรู้จักเทคนิค Six Lock
กันมาพอสมควรแล้ว ต่อไปอุ้มขอเริ่มรีวิว แชร์ประสบการณ์การเสริมจมูกของอุ้มกันค่ะ
ขอเริ่มที่นี้เลย ภาพก่อนเราเสริมจมูกค่ะ
จริงๆเราเป็นคนมีจมูกอยู่แล้ว แต่เราอยากให้สันชัด และปลายเชิดมากกว่านี้
เวลาถ่ายรูปจะได้ไม่ต้องหามุมเยอะ อยากสวยทุกมุมอ่ะค่ะ อะไรแบบนั้น5555
หลังจากตัดสินใจได้ว่าจะมาฝากตัวเป็นลูกสาวหมอกัน ก็
เริ่มจากการเข้ามาให้คุณหมอกันประเมินจมูก
และคุยเกี่ยวกับทรงจมูกที่เราอยากได้
เมื่อเข้ามาภายในห้องตรวจ คุณหมอจับหน้าเราหันซ้ายหันขวา เอาไฟเข้าไปส่องในรูจมูก
และจับเนื้อบริเวณจมูก เพื่อดูเนื้อจมูก คุณหมอบอกว่าเราอยู่ในเคสเนื้อตรงสันจมูกน้อย แต่ช่วงปลายพอมีเนื้ออยู่บ้าง และได้แนะนำเทคนิค Six Lock รองปลายเนื้อเยื่อเทียมให้เรา โดยซิลิโคนที่ใช้จะเป็นซิลิโคนที่นำเข้าจาก USA โดยตรง และยังแนะนำวิธีการเสริมเทคนิคที่จะใช้เสริมให้เราในวันเสริมจริงให้เราฟัง มันทำให้เราสบายใจ และมั่นใจมากขึ้นว่าทำออกมาแล้วจะสวยแน่นอน เมื่อเราพูดคุยกับคุณหมอ ตกลงทรงจมูกที่อยากได้เรียบร้อย ก็ออกมาทำนัดด้านหน้าตรงบริเวณเค้าเตอร์ เพื่อนัดวันเข้ามาทำจมูก
เราได้นัดทำจมูกวันที่ 4 มิ.ย. 62 อยากบอกว่าตื่นเต้นมาก
เพราะมันเป็นการทำจมูกครั้งแรกของเรา ช่วงระหว่างรอทำจมูกพี่พนักงานจะให้เราไปทานข้าว
แล้วกลับมาทานยาแก้ปวด แก้อักเสบ กับยาฆ่าเชื้อก่อนเข้าห้องผ่าตัด วันนั้นเรานั่งรอคิวประมาณ 1-2 ชั่วโมงเลย เพราะคุณหมอติดเคสโอเพ่นอยู่ แล้วพอถึงคิวของเราพี่พนักงานจะเรียกเราเข้าไปให้เปลี่ยนเสื้อ และใส่หมวกคลุมผม เพื่อเตรียมเข้าห้องผ่าตัด พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย พี่พนักงานจะพาเราเข้าไปในห้องผ่าตัด และให้เรานอนบนเตียงสีเขียวๆ ช่วงเวลานี้เป็นตอนที่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ๆก็รู้สึกกลัวขึ้นมาส่ะงั้น แต่ก็ยังทำใจสู้นะ ว่าเดียวก็สวยแล้วอดทนๆ😂
พอเรานอนบนเตียงเรียบร้อย พี่พนักงานจะทำการเช็ดทำความสะอาดหน้าของเราด้วยน้ำเกลือ
และทาเบตาดีนลงทั่วหน้า เพื่อทำการฆ่าเชื้อ แล้วนำผ้าสีเขียวๆที่มีช่องว่างตรงกลางมาปิดหน้าของเราให้เหลือแค่บริเวณจมูก เรานอนรออยู่สักประมาณ 5 นาที คุณหมอก็เข้ามาในห้อง ถามว่ารู้ได้ไง...เราไม่รู้หรอกค่ะ 555 ได้ยินพี่พยาบาลที่อยู่ในห้องผ่าตัดกับเรา พูดทักทายคุณหมอ เราเลยเดาเอาเองว่า อ่อ คุณหมอมาแล้ว
เมื่อคุณหมอเข้ามาในห้องผ่าตัด ทุกอย่างดูตึงเครียดขึ้น
รวมถึงตัวเราด้วย รู้สึกกลัวขึ้นมาอีกแล้วค่ะ คราวนี้รู้สึกได้เลยว่าขาสั้น ...
และเหมือนพี่พยาบาลจะรู้ พี่เค้าเดินไปหยิบตุ๊กตาแรดสีแดงๆ จากที่ไหนไม่รู้มาให้เรา แล้วบอกว่า "กอดไว้นะคะ จะได้ไม่กลัว" เราก็รับมากอดไว้ข้างตัวแบบเขินๆ (กลัวจนขาสั้น จนพี่เค้ารู้อายสิค่ะ😂)
คุณหมอเริ่มขั้นตอนการเสริมจมูก ด้วยการนำเอาซิลิโคน
มาทาบลงบนจมูกของเรา แล้วเอากลับไปเหลาๆ เพื่อให้ซิลิโคนเข้ารูปกับฐานจมูกเรามากที่สุด
คุณหมอเอาซิลิโคนมาทาบอยู่ประมาณ 2-3รอบ แล้วจึงบอกพี่พยาบาลว่าโอเคเริ่มได้ พี่พยาบาลจะบอกให้เราหายใจทางปาก และเริ่มขั้นตอนแรกของการเสริมจมูก และอุ้มขอบอกไว้เลยว่าเป็นขั้นตอนที่โคตรเจ็บ มันเจ็บที่สุดแล้วจริงๆ นั้นคือการฉีดยาชา เราฉีดยาชาทั้งหมด 4 เข็ม (ปลายจมูก ,สันจมูก ,ปีกจมูก 2 ข้าง) ฉีดเช็คก็ปล่อยให้ยาชาออกฤทธิ์ คุณหมอจะค่อยถามว่ารู้สึกเจ็บไหม พอเราบอกว่าไม่เจ็บ คุณหมอก็จะเริ่มขั้นตอนต่อไป
ขั้นตอนต่อไป คือการผ่าจมูกของเรา
และใช้อะไรสักอย่างแซะเนื้อจมูกของเราออกมา เพื่อทำให้มีพื้นที่ว่างในการวางซิลิโคน
ในช่วงของการแซะเนื้อจมูกเรานั้น เราไม่รู้สึกเจ็บเลย รู้สึกแค่ว่ามีอะไรมาโดนจมูกของเราแค่นั้น ตอนแซะเนื้อจมูก เราจะได้หยิบเสียงเหมือนเสียงขูด ครืดๆ และจะมีเสียงพี่พยาบาลค่อยบอกว่า "ถ้ามีน้ำอะไรลงคอให้กลืนไปเลยนะคะ" หลังจากนั้นคุณหมอจะเริ่มการใส่ซิลิโคนเข้าไปในจมูก ตามด้วยเนื้อเยื่อเทียม จัดดัดซิลิโคนให้เข้าทรงแล้วทำการเย็บปิดแผล และแปะผ้าก็อตล็อคจมูก ในขั้นตอนนี้เป็นอะไรที่เร็วมาก หรือตอนนั้นเรากลัวจนไม่ได้จับเวลาก็ไม่รู้ 55
หลังจากทำจมูกเสร็จ ออกจากห้องผ่าตัด
เราก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเดิม พี่พยาบาลจะพาเราไปอบแสงเพื่อทำการฆ่าเชื้อ และลดอาการบวมช้ำเสร็จแล้วเดินลงมาที่เค้าเตอร์เพื่อมาฟังวิธีการดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก และรับใบนัด รับยากลับไปทานที่บ้าน พี่พยาบาลบอกเราว่าให้นอนหมอนสูง ห้ามแผลโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหม และเราต้องแปะผ้าก็อตไว้ทั้งหมด 10วัน นั้นหมายความว่าเราต้องอยู่แบบหน้าห้ามโดนน้ำ และมีผ้าขาวๆบนจมูกไปอีก10วันเลยค่ะ ถือว่าเป็นอะไรที่นานสำหรับเรามาก แต่เพื่อความสวย..เราทนได้
ภาพหลังทำจมูกเสร็จทันที จะเห็นว่าจมูกเริ่มบวมยาชาหน่อยๆ
เนื่องจากอุ้มให้พี่พยาบาลอัดยาชาเยอะมาก ก็ตอนทำมันกลัวเจ็บอ่าเนอะ...555
ต่อไปจะเป็นภาพรีวิวหลังจากเสริมจมูก
ก่อนตัดไหม 10 วัน หน้าจะดูบวมที่สุดในวันที่ 3 แล้วหลังจากนั้นหน้าก็ค่อยๆยุบลงไปเรื่อยๆ
เราเริ่มแต่งหน้าตั้งแต่วันที่7 เนื่องจากต้องใช้หน้าออกไปทำงาน ทำใจไปหน้าสดไม่ไหวจริงๆ แต่แต่งไปเครื่องสำอางก็ไม่ค่อยติดผิวหน้า เพราะผิวหน้าตอนนั้นผิวมันมากๆ
ภายไป 10 วัน วันตัดไหมของเราก็มาถึงแล้ววว
ในขั้นตอนของการตัดไหมจะใช้เวลาในการทำไม่นาน ตอนดึงไหมออกจะเจ็บจี๊ด แต่อยู่ในระดับที่ทนได้
ภาพหน้าล่าสุดของเรา หลังจากเสริมจมูกได้ 1 เดือน
ไปตัดผมมา ลุคมันก็จะเปลี่ยนหน่อยๆเนอะ หรือเปลี่ยนเยอะเลยก็ไม่รู้ 555
โดยรวมเราเริ่มเห็นทรงจมูกแล้ว หน้าดูมีมิติขึ้น ผอมลงด้วยแหละเพราะตลอดที่ทำจมูกมา
กินแต่หมูกับผัก ตอนนี้ถ่ายรูปหันมุมไหนก็มั่นใจขึ้นเยอะค่ะ แล้วเดียวอีก 3 เดือน
เราจะมาอัพเดททรงจมูกให้ดูกันเรื่อยๆน่าาา
💗 ช่องทางติดตามข่าวสาร 💗
หลังจากคราวที่แล้วที่อุ้มได้รีวิวทำเทอมาจ ที่ธีระธรณ์คลินิกไปนั้นลิ้งค์ https://review-by-aum.blogspot.com/2019/03/thermatite-theerathornclinic.html
และคราวนี้อุ้มก็ได้ตัดสินใจ มาเป็นลูกสาวคุณหมอกัน อย่างเต็มตัว
เพราะวันนี้อุ้มจะมาเสริมจมูก ที่ธีระธรฌ์คลินิก (Theerathornclinic)กันค่ะ
โดยเทคนิค ที่อุ้มทำนั้น จะเป็นการเสริมแบบซิลิโคนรองปลายเนื้อเยื่อเทียม เทคนิค Six Lock ที่คุณหมอกันเป็นคนคิดค้นขึ้นมาจากการเสริมจมูกเทคนิคโอเพ่น(Open Reconstruction) และแนะนำเลยว่าช่วยในการป้องกันการเบี้ยวเอียงของตัวซิลิโคน เพราะมีการล็อกถึง 6จุด แถมยังป้องกันการทะลุด้วยการรองปลายด้วยเนื้อเยื่อเทียมนั้นเองค่ะ และในรีวิวนี้อุ้มจะเล่าเป็นแนวแชร์ประสบการณ์การเสริมจมูกครั้งแรกของอุ้มให้เพื่อนๆ ที่สนใจทำจมูกเป็นแนวทางหรือเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจกันค่ะ
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จัก เทคนิค Six Lock กันก่อน ?
เป็นเทคนิคที่พัฒนาการเหลาซิลิโคน เพื่อให้แนบกับกระดูกของจมูก กระดูกหน้าผาก
และกระดูกอ่อนของจมูก ตัวซิลิโคนด้านบนจะไม่เคลื่อนไปมา เวลาขยับจะให้ความเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เสริมแล้วสามารถบิดได้
การเหลาซิลิโคน เทคนิค Six Lock
จะเหลาให้บริเวณด้านบน แนบอยู่กับกระดูกหน้าผาก ครอบอยู่บนกระดูกของจมูก อยู่ใต้เยื่อหุ้มกระดูก
ตัวซิลิโคน จะมีเทคนิค Interdome ล็อคจุดด้านบน เพื่อให้จมูกดูเล็กลงนิดนึง ทำให้จมูกดูพุ่งขึ้น และ ก็เย็บตัวขาขอบกระดูกอ่อนในเทคนิค Interdome Intercrus Interfoot ทำให้ตัวซิลิโคน อยู่ใต้กระดูกอ่อนไม่ดันออกมาข้างหน้า ส่วนข้างหน้าสุด จะวางด้วย เนื้อเยื่อเทียม
ข้อดี ของการเสริมเทคนิค Six Lock
ก็คือ จะทำให้ตัวจมูกดูยาวขึ้น พุ่งมากขึ้น ดูคล้ายธรรมชาติ
รูจมูกจะดูเป็น ทรงวงรีตั้ง มากขึ้น และดูลักษณะเชฟ ของรูจมูกเป็น
แนวตั้งมากกว่าเป็นแนวนอน
หลังจากเพื่อนๆได้ทำความรู้จักเทคนิค Six Lock
กันมาพอสมควรแล้ว ต่อไปอุ้มขอเริ่มรีวิว แชร์ประสบการณ์การเสริมจมูกของอุ้มกันค่ะ
ขอเริ่มที่นี้เลย ภาพก่อนเราเสริมจมูกค่ะ
จริงๆเราเป็นคนมีจมูกอยู่แล้ว แต่เราอยากให้สันชัด และปลายเชิดมากกว่านี้
เวลาถ่ายรูปจะได้ไม่ต้องหามุมเยอะ อยากสวยทุกมุมอ่ะค่ะ อะไรแบบนั้น5555
หลังจากตัดสินใจได้ว่าจะมาฝากตัวเป็นลูกสาวหมอกัน ก็
เริ่มจากการเข้ามาให้คุณหมอกันประเมินจมูก
และคุยเกี่ยวกับทรงจมูกที่เราอยากได้
เมื่อเข้ามาภายในห้องตรวจ คุณหมอจับหน้าเราหันซ้ายหันขวา เอาไฟเข้าไปส่องในรูจมูก
และจับเนื้อบริเวณจมูก เพื่อดูเนื้อจมูก คุณหมอบอกว่าเราอยู่ในเคสเนื้อตรงสันจมูกน้อย แต่ช่วงปลายพอมีเนื้ออยู่บ้าง และได้แนะนำเทคนิค Six Lock รองปลายเนื้อเยื่อเทียมให้เรา โดยซิลิโคนที่ใช้จะเป็นซิลิโคนที่นำเข้าจาก USA โดยตรง และยังแนะนำวิธีการเสริมเทคนิคที่จะใช้เสริมให้เราในวันเสริมจริงให้เราฟัง มันทำให้เราสบายใจ และมั่นใจมากขึ้นว่าทำออกมาแล้วจะสวยแน่นอน เมื่อเราพูดคุยกับคุณหมอ ตกลงทรงจมูกที่อยากได้เรียบร้อย ก็ออกมาทำนัดด้านหน้าตรงบริเวณเค้าเตอร์ เพื่อนัดวันเข้ามาทำจมูก
เราได้นัดทำจมูกวันที่ 4 มิ.ย. 62 อยากบอกว่าตื่นเต้นมาก
เพราะมันเป็นการทำจมูกครั้งแรกของเรา ช่วงระหว่างรอทำจมูกพี่พนักงานจะให้เราไปทานข้าว
แล้วกลับมาทานยาแก้ปวด แก้อักเสบ กับยาฆ่าเชื้อก่อนเข้าห้องผ่าตัด วันนั้นเรานั่งรอคิวประมาณ 1-2 ชั่วโมงเลย เพราะคุณหมอติดเคสโอเพ่นอยู่ แล้วพอถึงคิวของเราพี่พนักงานจะเรียกเราเข้าไปให้เปลี่ยนเสื้อ และใส่หมวกคลุมผม เพื่อเตรียมเข้าห้องผ่าตัด พอเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย พี่พนักงานจะพาเราเข้าไปในห้องผ่าตัด และให้เรานอนบนเตียงสีเขียวๆ ช่วงเวลานี้เป็นตอนที่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ๆก็รู้สึกกลัวขึ้นมาส่ะงั้น แต่ก็ยังทำใจสู้นะ ว่าเดียวก็สวยแล้วอดทนๆ😂
พอเรานอนบนเตียงเรียบร้อย พี่พนักงานจะทำการเช็ดทำความสะอาดหน้าของเราด้วยน้ำเกลือ
และทาเบตาดีนลงทั่วหน้า เพื่อทำการฆ่าเชื้อ แล้วนำผ้าสีเขียวๆที่มีช่องว่างตรงกลางมาปิดหน้าของเราให้เหลือแค่บริเวณจมูก เรานอนรออยู่สักประมาณ 5 นาที คุณหมอก็เข้ามาในห้อง ถามว่ารู้ได้ไง...เราไม่รู้หรอกค่ะ 555 ได้ยินพี่พยาบาลที่อยู่ในห้องผ่าตัดกับเรา พูดทักทายคุณหมอ เราเลยเดาเอาเองว่า อ่อ คุณหมอมาแล้ว
เมื่อคุณหมอเข้ามาในห้องผ่าตัด ทุกอย่างดูตึงเครียดขึ้น
รวมถึงตัวเราด้วย รู้สึกกลัวขึ้นมาอีกแล้วค่ะ คราวนี้รู้สึกได้เลยว่าขาสั้น ...
และเหมือนพี่พยาบาลจะรู้ พี่เค้าเดินไปหยิบตุ๊กตาแรดสีแดงๆ จากที่ไหนไม่รู้มาให้เรา แล้วบอกว่า "กอดไว้นะคะ จะได้ไม่กลัว" เราก็รับมากอดไว้ข้างตัวแบบเขินๆ (กลัวจนขาสั้น จนพี่เค้ารู้อายสิค่ะ😂)
คุณหมอเริ่มขั้นตอนการเสริมจมูก ด้วยการนำเอาซิลิโคน
มาทาบลงบนจมูกของเรา แล้วเอากลับไปเหลาๆ เพื่อให้ซิลิโคนเข้ารูปกับฐานจมูกเรามากที่สุด
คุณหมอเอาซิลิโคนมาทาบอยู่ประมาณ 2-3รอบ แล้วจึงบอกพี่พยาบาลว่าโอเคเริ่มได้ พี่พยาบาลจะบอกให้เราหายใจทางปาก และเริ่มขั้นตอนแรกของการเสริมจมูก และอุ้มขอบอกไว้เลยว่าเป็นขั้นตอนที่โคตรเจ็บ มันเจ็บที่สุดแล้วจริงๆ นั้นคือการฉีดยาชา เราฉีดยาชาทั้งหมด 4 เข็ม (ปลายจมูก ,สันจมูก ,ปีกจมูก 2 ข้าง) ฉีดเช็คก็ปล่อยให้ยาชาออกฤทธิ์ คุณหมอจะค่อยถามว่ารู้สึกเจ็บไหม พอเราบอกว่าไม่เจ็บ คุณหมอก็จะเริ่มขั้นตอนต่อไป
ขั้นตอนต่อไป คือการผ่าจมูกของเรา
และใช้อะไรสักอย่างแซะเนื้อจมูกของเราออกมา เพื่อทำให้มีพื้นที่ว่างในการวางซิลิโคน
ในช่วงของการแซะเนื้อจมูกเรานั้น เราไม่รู้สึกเจ็บเลย รู้สึกแค่ว่ามีอะไรมาโดนจมูกของเราแค่นั้น ตอนแซะเนื้อจมูก เราจะได้หยิบเสียงเหมือนเสียงขูด ครืดๆ และจะมีเสียงพี่พยาบาลค่อยบอกว่า "ถ้ามีน้ำอะไรลงคอให้กลืนไปเลยนะคะ" หลังจากนั้นคุณหมอจะเริ่มการใส่ซิลิโคนเข้าไปในจมูก ตามด้วยเนื้อเยื่อเทียม จัดดัดซิลิโคนให้เข้าทรงแล้วทำการเย็บปิดแผล และแปะผ้าก็อตล็อคจมูก ในขั้นตอนนี้เป็นอะไรที่เร็วมาก หรือตอนนั้นเรากลัวจนไม่ได้จับเวลาก็ไม่รู้ 55
หลังจากทำจมูกเสร็จ ออกจากห้องผ่าตัด
เราก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเดิม พี่พยาบาลจะพาเราไปอบแสงเพื่อทำการฆ่าเชื้อ และลดอาการบวมช้ำเสร็จแล้วเดินลงมาที่เค้าเตอร์เพื่อมาฟังวิธีการดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก และรับใบนัด รับยากลับไปทานที่บ้าน พี่พยาบาลบอกเราว่าให้นอนหมอนสูง ห้ามแผลโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหม และเราต้องแปะผ้าก็อตไว้ทั้งหมด 10วัน นั้นหมายความว่าเราต้องอยู่แบบหน้าห้ามโดนน้ำ และมีผ้าขาวๆบนจมูกไปอีก10วันเลยค่ะ ถือว่าเป็นอะไรที่นานสำหรับเรามาก แต่เพื่อความสวย..เราทนได้
ภาพหลังทำจมูกเสร็จทันที จะเห็นว่าจมูกเริ่มบวมยาชาหน่อยๆ
เนื่องจากอุ้มให้พี่พยาบาลอัดยาชาเยอะมาก ก็ตอนทำมันกลัวเจ็บอ่าเนอะ...555
ต่อไปจะเป็นภาพรีวิวหลังจากเสริมจมูก
ก่อนตัดไหม 10 วัน หน้าจะดูบวมที่สุดในวันที่ 3 แล้วหลังจากนั้นหน้าก็ค่อยๆยุบลงไปเรื่อยๆ
เราเริ่มแต่งหน้าตั้งแต่วันที่7 เนื่องจากต้องใช้หน้าออกไปทำงาน ทำใจไปหน้าสดไม่ไหวจริงๆ แต่แต่งไปเครื่องสำอางก็ไม่ค่อยติดผิวหน้า เพราะผิวหน้าตอนนั้นผิวมันมากๆ
ภายไป 10 วัน วันตัดไหมของเราก็มาถึงแล้ววว
ในขั้นตอนของการตัดไหมจะใช้เวลาในการทำไม่นาน ตอนดึงไหมออกจะเจ็บจี๊ด แต่อยู่ในระดับที่ทนได้
ในวันที่เราตัดไหมและเอาผ้าก็อตดามจมูกออก
จมูกของเรายังไม่หายบวมสนิท แต่ก็พอเริ่มเห็นทรงจมูกมากขึ้นแล้ว
พี่พยาบาลบอกว่าเนื้อจะรัดแกนจมูกจริงๆประมาณ 3 เดือน
เหตุผลที่เลือกเสริมจมูก กับธีระธรฌ์คลินิก (Theerathornclinic)
✔ราคาไม่แพงเกินไป ไม่ถูกจนน่ากลัว
✔ราคาไม่เกิน 50,000บาท แต่ได้ซิลิโคนเกรดUSA และเนื้อเยื่อเทียมรองปลาย
✔รับประกันเบี้ยว เอียง ทะลุ 6 เดือน (ตามเงื่อนไขคลินิก)
✔ซิลิโคนเหลาเคสต่อเคส
✔ ได้อบแสง ลดบวมฆ่าเชื้อ หลังทำเสร็จ ที่อื่นต้องซื้อคอร์สเพิ่ม แต่ที่นี้รวมอยู่ในราคาเสริมจมูก
✔ ได้เจลประคบเย็น ยาทาน และคู่มือการดูแลตัวเองกลับบ้าน
✔ ทางคลินิกได้รับการรับรอง และคุณหมอมีประสบการณ์ มีผลงานเยอะ
✔เข้าไปคุยกับคุณหมอแล้วสบายใจ
✔พี่ๆพนักงานบริการดี ใส่ใจลูกค้า
เคล็ดลับในการดูแลตัวเองหลังเสริมจมูกของอุ้ม
-หลังเสริมจมูกเสร็จให้ประคบเย็นทันที 48 ชั่วโมง
-ประคบเย็น 7 วัน ประคบร้อน 3 วัน
-หลังเสริมจมูก 3 วันแรก ให้นั่งหลับ (ใครไม่สามารถจริงๆ ให้เอาหมอนสองใบมาซ้อนกันแทนได้ค่ะ)
-ทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือและฆ่าเชื้อด้วยเบตาดีน แนะนำให้ทำทุกวัน อย่าให้มีสะเก็ดแผล เพราะตอนตัดไหมจะเจ็บมาก
-ทานยาให้ครบตามที่คุณหมอสั่ง
-ทานน้ำมะพร้าว ซุปฟักทอง ช่วยลดบวม กระตุ้นระบบหมุนเวียนของเลือด
-ไปหาซื้อ ใบบัวบกอัดเม็ด ของอภัยภูเบศร ตามร้านขายยามาทาน ตอนนั้นเราซื้อมากระปุกล่ะ 140บาท
-งดเหล้าเบียร์ งดอาหารทะเล งดของร้อน ของเผ็ด ของดอง งดไก่ งดไข่ ตอนนั้นอุ้มกินแค่หมูกับผัก
-เคล็ดลับสุดท้าย ระวังอย่าให้แฟนเอามือมาฟาดจมูก!! ข้อนี้สำคัญมาก สำหรับคนไหนที่พึ่งทำจมูกมาแล้วเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คือบ้านแตก 555
ไปตัดผมมา ลุคมันก็จะเปลี่ยนหน่อยๆเนอะ หรือเปลี่ยนเยอะเลยก็ไม่รู้ 555
โดยรวมเราเริ่มเห็นทรงจมูกแล้ว หน้าดูมีมิติขึ้น ผอมลงด้วยแหละเพราะตลอดที่ทำจมูกมา
กินแต่หมูกับผัก ตอนนี้ถ่ายรูปหันมุมไหนก็มั่นใจขึ้นเยอะค่ะ แล้วเดียวอีก 3 เดือน
เราจะมาอัพเดททรงจมูกให้ดูกันเรื่อยๆน่าาา
อัพเดทรีวิวใหม่ๆ ได้ที่
Facebook Page : รีวิวเว่อ review
Facebook Page : รีวิวเว่อ review
Facebook : Kedchanok Wongtad
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านรีวิวนี้นะคะ 💗
ฝากกดติดตามเป็นกำลังใจให้ด้วยน๊า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น